หลักการประกันภัย Prihciples of Insurance
- หลักส่วนได้เสียในการประกันภัย (Insurable Interest)
- หลักสุจริตใจอย่างยิ่ง (Utmost Good Faith)
- หลักสาเหตุใกล้ชิด (Proximate Cause)
- หลักการชดใช้ (Indemnity)
- หลักการสวมสิทธิ หรือ รับช่วงสิทธิ (Subrogation)
- หลักการเฉลี่ย (Contribution)
ประกันภัยที่เกิดขึ้นครั้งแรกของโลก
การประกันภัยครั้งแรกของโลก เริ่มจากร้านขายกาแฟของนาย Edward Loyd อยู่ในประเทศอังกฤษ
บริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียงมากกว่า 300 ปี ปัจจุบันชื่อ "Lloyd's of London"
การประกันภัยครั้งแรกของโลก เป็นการประกันขนส่งสินค้าทางทะเล
การประกันภัยครั้งแรกของโลก เริ่มจากร้านขายกาแฟของนาย Edward Loyd อยู่ในประเทศอังกฤษ
บริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียงมากกว่า 300 ปี ปัจจุบันชื่อ "Lloyd's of London"
การประกันภัยครั้งแรกของโลก เป็นการประกันขนส่งสินค้าทางทะเล
- หลักส่วนได้เสียในการประกันภัย (Insurable Interest)
- ผู้ที่จะเอาประกันภัยต้องมีส่วนได้เสียในวัตถุหรือเหตุที่เอาประกันภัย ไม่เช่นนั้นแล้ว การประกันภัยนั้นไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย (ปพพ.ม.863)
- หากไม่มีส่วนได้เสียจะทำให้สัญญาประกันภัยนี้กลายเป็นการพนันและอาจเกิดการทุจริต จงใจทำให้เกิดความสูญเสียหรือเสียหาย
- ผู้ที่จะเอาประกันภัยต้องมีส่วนได้เสียในวัตถุหรือเหตุที่เอาประกันภัย ในขณะที่ทำสัญญาประกันภัย
ผู้ที่มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่เอาประกันได้ หมายถึง
- ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการที่ทรัพย์สินนั้นๆ เมื่อคงสภาพอยู่หรือจะได้รับความเสียหายจากการที่ทรัพย์สินนั้นถูกทำลายไป
- ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้ทรัพย์สินนั้นๆ เมื่อคงสภาพอยู่หรือจะได้รับค่าสินไหมทดแทนเมื่อทรัพย์สินนั้นถูกทำลายไป
- ผู้ที่มีสิทธิครอบครองทรัพย์สินนั้นๆ เมื่อคงสภาพอยู่ หรือเมื่อทรัพย์สินนั้นๆ ถูกทำลายไป
2. หลักสุจริตใจอย่างยิ่ง (Utmost Good Faith)
สัญญานั้นมีผลสมบูรณ์ แต่บริษัทมีสิทธิบอกล้างสัญญาภายในเวลาที่กำหนด เช่น
สาเหตุที่ต้องเปิดเผยข้อความจริง
- ดังนั้นผู้เอาประกันภัยต้องเปิดเผยข้อความจริงและไม่แถลงข้อความที่เป็นเท็จ โดยหากผู้เอาประกันภัยซึ่งรู้อยู่แล้ว แต่ปกปิดข้อเท็จจริง หรือ แถลงข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งอาจจะจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น หรือกำหนดเงื่อนไข หรือปฏิเสธการรับประกันภัยการทำสัญญาประกันภัยนี้ถือเป็นโมฆียะ (ปพพ.ม.865)
สัญญานั้นมีผลสมบูรณ์ แต่บริษัทมีสิทธิบอกล้างสัญญาภายในเวลาที่กำหนด เช่น
- ปิดบังประวัติการป่วยของตนด้วยโรคหัวใจ, โรคดันความโลหิตสูง หรือโรคมะเร็ง ในเวลาที่จะเอาประกันภัยสุขภาพ
- แจ้งข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญของทรัพย์สินที่เอาประกันหรือแจ้งรายละเอียดสิ่งปลูกสร้างหรือที่ตั้ง ไม่ถูกต้อง
สาเหตุที่ต้องเปิดเผยข้อความจริง
- ข้อความจริงเหล่านั้นอยู่ในความรู้เห็นของผู้เอาประกันภัยแต่เพียงฝ่ายเดียว
- ข้อความจริงเหล่านั้นเป็นข้อความจริงที่ผู้รับประกันจะใช้พิจารณาเพื่อตัดสินใจเข้ารับความเสี่ยงภัยหรือไม่ และคิดเบี้ยประกันภัยเท่าใด
- โมฆะ ไม่มีส่วนได้เสีย และ สัญญาไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรก
- โมฆียะ มีส่วนได้เสีย และ สัญญาสมบูรณ์แต่บอกล้างได้
3. หลักสาเหตุใกล้ชิด (Proximate Cause)
ตัวอย่าง นายบี ซื้อประกันอัคคีภัยเอาไว้ วันหนึ่งเกิดฝนตกหนัก ฟ้าผ่าไปที่ต้นไม้หน้าบ้านของนายบี แล้วต้นไม้ล้มทับตัวบ้านทันทีก่อให้เกิดความเสียหาย
วิเคราะห์คือ ฝนตกฟ้าผ่าโดนต้นไม้ ต้นไม้หักทับบ้านทันที
- ต้นเหตุแรกซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรง หรือเป็นเหตุต่อเนื่อง โดยไม่ขาดตอน ซึ่งส่งผลเป็นทอดๆ แล้วทำให้เกิดความเสียหายสุดท้าย
- สาเหตุใกล้ชิด ต้องเป็นสาเหตุที่ระบุคุ้มครองและความเสียหายทั้งหลายที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกระบุยกเว้น ดังนั้นความเสียหายดังกล่าวจะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์
ตัวอย่าง นายบี ซื้อประกันอัคคีภัยเอาไว้ วันหนึ่งเกิดฝนตกหนัก ฟ้าผ่าไปที่ต้นไม้หน้าบ้านของนายบี แล้วต้นไม้ล้มทับตัวบ้านทันทีก่อให้เกิดความเสียหาย
วิเคราะห์คือ ฝนตกฟ้าผ่าโดนต้นไม้ ต้นไม้หักทับบ้านทันที
4. หลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (Indemnity)
- ต้องเป็นค่าเสียหาย ณ สถานที่และในเวลาที่เกิดภัยขึ้น
- ต้องเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
- ต้องไม่เกินจำนวนเงินที่เอาประกันภัยไว้
- การจ่ายเป็นตัวเงิน (Cash Payments)
- การซ่อมแซม (Repair)
- การหาของแทน (Replacement)
- การกลับคืนสภาพเดิม (Reinstatement)
การเรียกร้องค่าสินไหม
เมื่อมีความเสียหายเกิด ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่
ผู้รับประกันภัยไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ ในกรณี
สินไหมกรุณา (Ex Gratia Payment)
เมื่อมีความเสียหายเกิด ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่
- แจ้งให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้า
- ส่งหลักฐานภายใน 30 วันนับตั้งแต่เสียหาย
- ยอมให้บริษัทดำเนินการใดๆ เพื่อป้องกันมิให้ความเสียหายเพิ่มขึ้น
- ถ้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข บริษัทอาจไม่ชดใช้ค่าเสียหาย
ผู้รับประกันภัยไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ ในกรณี
- ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ประมาทเลินเล่อ อย่างร้ายแรง
- ความไม่สมประกอบแห่งวัตถุที่เอาประกันภัย
- เป็นข้อยกเว้นที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
สินไหมกรุณา (Ex Gratia Payment)
- เป็นการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ที่ไม่อยู่ในความรับผิดของสัญญาประกันภัย
- ผู้เอาประกันภัยได้รับความเสียหายรุนแรง หรือเสียหายมาก
- ต้องได้รับความยินยอมหรือเห็นชอบจากบริษัทรับประกันภัยต่อ
5. หลักการรับช่วงสิทธิ Subrogation
ความหมาย การที่ผู้รับประกันภัยเข้าไปใช้สิทธิ์ทั้งปวงของผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ เท่าจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่ผู้รับประกันภัยได้จ่ายไปด้วยอำนาจของกฎหมาย
การรับช่วงสิทธิ์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
ความหมาย การที่ผู้รับประกันภัยเข้าไปใช้สิทธิ์ทั้งปวงของผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ เท่าจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่ผู้รับประกันภัยได้จ่ายไปด้วยอำนาจของกฎหมาย
การรับช่วงสิทธิ์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
- เป็นวินาศภัยที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์เท่านั้น
- ผู้ก่อให้เกิดวินาศภัยนั้นจะต้องไม่ใช่ผู้เอาประกัน หรือ ผู้รับประโยชน์
- ต้องเป็นการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องจากเกิดวินาศภัยที่อยู่ในความรับผิดตามสัญญาประกันภัยเท่านั้น
6. หลักการเฉลี่ย (Contribution)
ผู้รับประกันภัยในวัตถุที่เอาประกันภัยอันเดียวกัน ความเสี่ยงภัยอันเดียวกันและส่วนได้เสียอันเดียวกัน ต้องรับผิดในส่วนของความเสียหายที่ผู้รับประกันแต่ละคนมีอยู่ตามสัญญาแต่ละฉบับเป็นอัตราส่วน กับจำนวนเงินที่รับประกัน
หลักการเฉลี่ยจะเกิดขึ้น เมื่อประกอบด้วย
กรณีที่ 1 ทำสัญญาตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป พร้อมกัน (จะชดใช้ตามอัตราส่วนที่บริษัทรับประกัน)
นายเอ ทำประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัท ก ทุนประกัน 100,000 และบริษัท ข ทุนประกัน 50,000 และบริษัท ค ทุนประกัน 50,000 บ้านถูกไฟไหม้เสียหาย 60,000 บาท
นายเอ ทำประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัท ก ทุนประกัน 100,000 และบริษัท ข ทุนประกัน 50,000 และบริษัท ค ทุนประกัน 50,000 บ้านถูกไฟไหม้เสียหาย 170,000 บาท
ผู้รับประกันภัยในวัตถุที่เอาประกันภัยอันเดียวกัน ความเสี่ยงภัยอันเดียวกันและส่วนได้เสียอันเดียวกัน ต้องรับผิดในส่วนของความเสียหายที่ผู้รับประกันแต่ละคนมีอยู่ตามสัญญาแต่ละฉบับเป็นอัตราส่วน กับจำนวนเงินที่รับประกัน
หลักการเฉลี่ยจะเกิดขึ้น เมื่อประกอบด้วย
- มีผู้รับประกันตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป
- ให้ความคุ้มครองภัยชนิดเดียวกัน
- ทุกกรมธรรม์มีผลบังคับในเวลาที่เกิดความเสียหาย
- มีวัตถุที่เอาประกันภัยเดียวกัน
กรณีที่ 1 ทำสัญญาตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป พร้อมกัน (จะชดใช้ตามอัตราส่วนที่บริษัทรับประกัน)
นายเอ ทำประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัท ก ทุนประกัน 100,000 และบริษัท ข ทุนประกัน 50,000 และบริษัท ค ทุนประกัน 50,000 บ้านถูกไฟไหม้เสียหาย 60,000 บาท
- บริษัท ก ต้องชดใช้ค่าสินไหมจำนวน 30,000 บาท
- บริษัท ข ต้องชดใช้ค่าสินไหมจำนวน 15,000 บาท
- บริษัท ค ต้องชดใช้ค่าสินไหมจำนวน 15,000 บาท
นายเอ ทำประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัท ก ทุนประกัน 100,000 และบริษัท ข ทุนประกัน 50,000 และบริษัท ค ทุนประกัน 50,000 บ้านถูกไฟไหม้เสียหาย 170,000 บาท
- บริษัท ก ต้องชดใช้ค่าสินไหมจำนวน 100,000
- บริษัท ข ต้องชดใช้ค่าสินไหมจำนวน 50,000
- บริษัท ค ต้องชดใช้ค่าสินไหมจำนวน 20,000
สัญญาประกันภัย
- เป็นสัญญาที่ไม่มีแบบ มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย โดยอาศัยคำเสนอ และคำสนองต้องตรงกันเท่านั้น ไม่ต้องอาศัยหลักฐานหรือเอกสารใดๆ "กรมธรรม์ประกันภัยไม่ใช่สัญญาประกันภัย แต่สัญญาประกันภัยเป็นที่มาของกรมธรรม์ประกันภัย"
- เป็นสัญญาที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ กรมธรรม์ประกันภัยที่ฝ่ายผู้รับประกันภัยทำขึ้น
- เป็นสัญญาต่างตอบแทน หมายถึง คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต่างเป็นเจ้าหนี้ และลูกหนี้และลูกหนี้ตอบแทนกัน
- เป็นสัญญาที่มีค่าตอบแทนไม่เท่าเทียมกัน คือ ผู้เอาประกันชำระค่าเบี้ยประกันเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเกิดความเสียหายผู้รับประกันภัยต้องชำระค่าสินไหมทดแทน สูงกว่าเบี้ยประกันมาก
- เป็นสัญญาเพื่อการเสี่ยงภัย หรือเสี่ยงโชค คือการชำระหนี้ของฝ่ายผู้รับประกันไม่แน่นอน
- เป็นสัญญาเพื่อการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ส่วนจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทน จะต้องตีราคาแห่งความเสียหายที่เกิดขึ้น ณ สถานที่และในเวลาที่เกิดวนาศภัย
- เป็นสัญญาที่อาศัยเหตุอนาคตอันไม่แน่นอน
- เป็นสัญญาที่อาศัยความซื่อสัตย์อย่างยิ่งของคู่สัญญา
- เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอก โดยไม่คำนึงว่าผู้รับประโยชน์มีส่วนได้เสียกับทรัพย์สินที่เอาประกันภัยหรือไม่
ผู้เกี่ยวข้องในสัญญาประกันภัย
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยมีอยู่ 3 ฝ่าย คือ
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยมีอยู่ 3 ฝ่าย คือ
- ผู้เอาประกัน
- ผู้รับประกัน
- ผู้รับประโยชน์
การโอนสิทธิในสัญญาประกันภัย
หากทรัพย์สินที่เอาประกันภัยของผู้เอาประกันเปลี่ยนมือไป สิทธิตามสัญญาประกันภัยจะโอนไปด้วยในกรณี
หากทรัพย์สินที่เอาประกันภัยของผู้เอาประกันเปลี่ยนมือไป สิทธิตามสัญญาประกันภัยจะโอนไปด้วยในกรณี
- โอนโดยสัญญาและมีการแจ้งผู้รับประกันภัยทราบ
- โอนโดยพินัยกรรม
- โอนโดยบทบัญญัติของกฎหมาย
การระงับของสัญญา (เว้นแต่แจ้งทำสลักหลังแก้ไข)
- เปลี่ยนสถานที่ใช้เป็นอย่างอื่นที่เสี่ยงเพิ่มขึ้น
- ทรัพย์สินถูกโยกย้าย
- ทรัพย์สินเปลี่ยนมือโดยวิธีอื่น นอกจากพินัยกรรมหรือกฎหมาย
- สิ่งปลูกสร้างพังทลาย หรือ ความเสี่ยงภัยเพิ่มขึ้น
- ผู้เอาประกันภัยไม่จ่ายเบี้ยภายใน 30 วัน
ประโยชน์ของการประกันภัย
- ทำให้เกิดการออมทรัพย์
- ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- ช่วยให้เกิดความเสถียรภาพในการประกอบธุรกิจ
หน้าที่ของผู้เอาประกันภัย
- หน้าที่เปิดเผยข้อความจริง
- หน้าที่บอกกล่าวการเกิดวินาศภัย
- หน้าที่ป้องกันรักษาทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
- หน้าที่ในการชำระค่าเบี้ยประกันภัย
Reinsurance & Co-Insurance
การประกันภัยต่อ (Reinsurance)
การประกันภัยต่อ (Reinsurance)
- การที่ผู้รับประกันภัยแบ่งภาระด้านความเสี่ยงภัยไปให้แก่ผู้รับประกันอื่นอีกทอดหนึ่ง
- การที่ผู้รับประกันภัยหลายราย ตกลงร่วมกันรับประกันภัยรายเดียวกันตามอัตราส่วนที่ตกลงกันไว้
ความรับผิดในค่าเสียหายส่วนแรก EXCESS OR DEDUCTIBLE
- จำนวนความเสียหายส่วนแรกซึ่งผู้เอาประกันภัยตกลงที่จะรับผิดชอบเองทุกครั้ง ที่เกิดวินาศภัยขึ้นและบริษัทรับประกันภัยจะชดใช้ในส่วนที่เกิน
- วัตถุประสงค์ในการกำหนดให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบในความเสียหายส่วนแรก ก็เพื่อที่จะให้ผู้เอาประกันภัยมีความระมัดระวังมากขึ้น
FRANCHISE
ความสูญเสียหรือเสียหายขั้นต่ำที่กำหนดเป็นอัตราร้อยละหรือจำนวนเงิน
- ซึ่งถ้าความเสียหายไม่ถึงอัตราหรือจำนวนเงินที่กำหนดไว้ ผู้รับประกันจะไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
- แต่ถ้าความเสียหายไม่ถึงอัตราหรือจำนวนเงินที่กำหนด ผู้รับประกันจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่บาทแรก
ความสูญเสียหรือเสียหายขั้นต่ำที่กำหนดเป็นอัตราร้อยละหรือจำนวนเงิน
- ซึ่งถ้าความเสียหายไม่ถึงอัตราหรือจำนวนเงินที่กำหนดไว้ ผู้รับประกันจะไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
- แต่ถ้าความเสียหายไม่ถึงอัตราหรือจำนวนเงินที่กำหนด ผู้รับประกันจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่บาทแรก
- วัตถุประสงค์ก็เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการชดใช้เล็กๆ น้อยๆ
ทุนประกัน SUM INSURED
หมายถึง
หมายถึง
- จำนวนเงินสูงสุดที่ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดชอบ
- จำนวนเงินสูงสุดที่ผู้เอาประกันภัยจะสามารถเรียกร้องได้ เมื่อเกิดความเสียหาย
จำนวนเงินเอาประกันภัย
ต้องไม่ต่ำกว่า 80%
ต้องไม่ต่ำกว่า 70%
ถ้าต่ำกว่าที่กำหนดไว้จะกลายเป็น Under Insurance
UNDER INSURANCE & OVER INSURANCE
UNDER INSURANCE
การทำประกันภัยโดยกำหนดจำนวนเงินเอาประกันต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สิน ณ เวลาที่เอาประกันภัย เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ผู้เอาประกันภัยจะต้องถูกเฉลี่ยความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นตามสัดส่วน
ตัวอย่าง
มูลค่าแท้จริง 2 ล้านบาท ทำประกัน 1 ล้านบาท ถ้าเกิดความเสียหายขึ้น 1 ล้านบาท ประกันจ่าย 500,000
OVER INSURANCE
การทำประกันภัยโดยกำหนดจำนวนเงินเอาประกันสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สิน ณ เวลาที่เอาประกันภัย เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่แท้จริง
ตัวอย่าง
มูลค่าแท้จริง 2 ล้านบาท ทำประกัน 2.5 ล้านบาท ถ้าเกิดความเสียหายขึ้น 1 ล้านบาท ประกันจ่าย 1,000,000
การกำหนดทุนประกันภัย
- Actual Cash Value การกำหนดตามมูลค่าที่แท้จริง
- Agreed Value การกำหนดตามที่ตกลงกัน
- Replacement Value เป็นเงื่อนไขที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับการชดใช้เต็มมูลค่าตามราคาใหม่ของทรัพย์สินโดยไม่มีการหักค่าเสื่อมราคา
- จำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับการประกันอัคคีภัยสำหรับบ้านอยู่อาศัย ต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าแท้จริงของทรัพย์สินที่เอาประกัน จึงไม่ถือว่าเป็น Under Insurance
เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ใบคำขอ (Application Form)
คือ เอกสารซึ่งผู้เอาประกันภัยกรอกข้อความยื่นต่อบริษัทประกันภัย เพื่อแสดงความประสงค์ขอเอาประกันภัย และถือว่าเป็นคำเสนอที่จะก่อให้เกิดสัญญาประกันภัยขึ้น ระหว่างผู้เอาประกันภัยกับบริษัทประกันภัย
รายละเอียดในใบคำขอเอาประกัน
คือ เอกสารซึ่งผู้เอาประกันภัยกรอกข้อความยื่นต่อบริษัทประกันภัย เพื่อแสดงความประสงค์ขอเอาประกันภัย และถือว่าเป็นคำเสนอที่จะก่อให้เกิดสัญญาประกันภัยขึ้น ระหว่างผู้เอาประกันภัยกับบริษัทประกันภัย
รายละเอียดในใบคำขอเอาประกัน
- ชื่อ นามสกุล และอายุ ของผู้เอาประกัน
- ที่อยู่ของผู้เอาประกัน
- รายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุที่เอาประกัน
- จำนวนเงินเอาประกัน
- ภัยที่ต้องการคุ้มครอง
- ประวัติการทำประกัน
- ความเสี่ยงภัยที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- ส่วนได้เสียหรือความสัมพันธ์กับวัตถุที่เอาประกัน
Policy & Schedule
กรมธรรม์ประกันภัย (Policy) กรมธรรม์ประกันภัย เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งของสัญญาประกันภัย ซึ่งระบุถึงสาระสำคัญของข้อตกลงเงื่อนไข และความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย
ตารางกรมธรรม์ประกันภัย (Schedule) เป็นส่วนหนึ่งของกรมธรรม์ประกันภัยที่สรุปรายละเอียดทั้งหมดในการประกันภัย
กรมธรรม์ประกันภัย (Policy) กรมธรรม์ประกันภัย เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งของสัญญาประกันภัย ซึ่งระบุถึงสาระสำคัญของข้อตกลงเงื่อนไข และความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย
ตารางกรมธรรม์ประกันภัย (Schedule) เป็นส่วนหนึ่งของกรมธรรม์ประกันภัยที่สรุปรายละเอียดทั้งหมดในการประกันภัย
รายละเอียดในกรมธรรม์ประกันภัย
- วัตถุที่เอาประกัน
- ภัยที่ผู้รับประกันรับเสี่ยง
- ราคาแห่งมูลประกันภัย
- จำนวนเงินเอาประกันภัย
- จำนวนเงินเบี้ยประกัน
- ระยะเวลาเริ่มต้น - สิ้นสุด
- ชื่อของผู้รับประกันภัย
- ชื่อของผู้เอาประกันภัย
- ชื่อของผู้รับประโยชน์
- วันทำสัญญาประกันภัย
- สถานที่และวันที่ได้ทำกรมธรรม์ประกันภัย
ใบสลักหลังกรมธรรม์ Endorsement
ข้อความที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติม จากข้อความปกติในกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อจะเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลง แก้ไข เงื่อนไขหรือข้อความต่างๆ จากเงื่อนไขหรือข้อความต่างๆ จากเงื่อนไขหรือข้อความเดิม ซึ่งจะทำขึ้นก่อนหรือการเอาประกันภัยก็ได้
หนังสือคุ้มครองชั่วคราว (Cover Note)
- เป็นเอกสารที่บริษัทประกันภัยออกให้แก่ผู้เอาประกัน เพื่อเป็นหลักฐานรับรองว่า ทรัพย์สินดังรายละเอียดที่ระบุไว้ใน Cover Note จะได้รับการคุ้มครองตามเงื่อนไขและจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ โดยปกติจะมีอายุ 30 วัน ในระหว่างที่บริษัทกำลังรอข้อมูลบางอย่างอยู่ หรือระหว่างที่กำลังออกกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันภัย
- การออกหนังสือคุ้มครองชั่วคราวจะยังไม่มีการคำนวณเบี้ยประกันภัย
หนังสือรับรองการประกันภัย Certificate of Insurance
- เป็นหลักฐานเอกสารที่ผู้รับประกันภัยออกให้แก่ผู้เอาประกันภัยเพื่อรับรองการต่ออายุกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย โดยยังไม่มีการออกกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยฉบับใหม่ให้
- เป็นเงื่อนไขที่ผู้เอาประกันภัยรับรองว่า ในระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัยจะปฎิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับผู้รับประกันภัย
วิธีเขียนระบุความคุ้มครองไว้ในกรมธรรม์ประกันวินาศภัย มี 2 ลักษณะคือ
- แบบระบุภัย (Named Perils) คือ การเขียนระบุภัยที่ให้ความคุ้มครองไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยแจ้งชัด เช่น กรมธรรม์อัคคีภัย, กรมธรรม์โจรกรรม
- แบบสรรพภัย (All Risks) คือ การเขียนระบุภัยที่ไม่ให้ความคุ้มครอง ไว้แจ้งชัดในกรมธรรม์ประกันภัย เช่น กรมธรรม์ All Risks, กรมธรรม์การปฎิบัติงานตามสัญญา
เงื่อนไขทั่วไป
- เงื่อนไขบังคับก่อน คือเงื่อนไขที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องปฎิบัติก่อนที่สัญญาจะมีผล เช่นการเปิดเผยข้อความจริง หากฝ่าฝืนสัญญาจะถูกบอกล้างได้
- เงื่อนไขบังคับหลัง คือ เงื่อนไขที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องปฎิบัติหลังจากสัญญามีผลแล้ว เช่น ต้องแจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในภัยที่ได้เอาประกันไว้ เช่น ต่อเติมอาคาร การเปลี่ยนอาชีพ ถ้าไม่ปฎิบัติตามจะทำให้สัญญาสิ้นผลบังคับ
- เงื่อนไขแห่งความรับผิดชอบ คือ เงื่อนไขที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องปฎิบัติก่อน จึงจะมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัย เช่น จะต้องให้ผู้รับประกันภัยทราบทันทีที่เกิดภัยขึ้น และต้องยื่นคำเรียกร้องระบุรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษร ภายใน 15 วัน หากไม่ปฎิบัติตาม ผู้เอาประกันอาจไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหม
ความรู้พื้นฐานการขายประกันวินาศภัย โดย นายกฤศ ชวนพิบุลพรรณ Tel.081-7109645